อย่ามองข้าม โรคภูมิแพ้ ลมพิษ

โรคภูมิแพ้ ลมพิษ หลายคนอาจจะสงสัยว่า สรุปแล้วสองสิ่งนี้เป็นโรคเดียวกันหรือเปล่า และหากมีอาการของลมพิษเราจะสามารถจัดการกับอาการของโรคได้อย่างไรวันนี้มีคำตอบ 

อาการลมพิษ มีอาการคือ จะมีผื่นคันที่มักจะแสดงให้เห็น ขึ้นบนบริเวณผิวหนังชั้นนอกของพวกเรา  โดยอาการของลมพิษนั้นสามารถที่จะเป็นได้ในทุกเพศทุกวัยไม่จำกัดอายุ 

ลักษณะที่เด่นชัดของลมพิษคือ เป็นผื่น ไม่มีขุย กระจายตามตัวแขนขา หรือบริเวณใบหน้าของพวกเราในบางครั้ง โดยมากมักเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง โดยผื่นจะค่อยๆ จางหายไป 

ซึ่งในบางรายอาจมีอาการถึงขั้นปวดท้อง แน่นจมูก หายใจติดขัด หรือบางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก ถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรนิ่งนอนใจกับโรคลมพิษโดยเด็ดขาด

ลมพิษนั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด

ลมพิษนั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ประกอบด้วย

1. ลมพิษชนิดเฉียบพลัน:  

ระยะของอาการที่ต่อเนื่องจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 สัปดาห์โดยสาเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้จาก จากการแพ้ของอาหารบางชนิด, แพ้ของยาบางชนิด, แมลงสัตว์กัดต่อย การติดเชื้อโรคบางชนิด 

โดยอาการยังสามารถที่จะแสดงที่อวัยวะต่างๆได้อีกอย่างเช่น   แน่นหน้าอก, แน่นจมูก, ปวดท้อง, ความดันต่ำ, ปากและตาบวม ผื่นอาจขึ้นต่อเนื่องไปจนเป็นลมพิษเรื้อรัง

2. ผื่นลมพิษชนิดเรื้อรัง: 

มักจะแสดงอาการแบบเป็นๆ หายๆ อย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์ โดยมักจะมีอาการเป็นต่อเนื่องกันนานเกิน 6 สัปดาห์ ซึ่งสาเหตุก็มักจะแตกต่างจากลมพิษเฉียบพลัน 

โดยในบางกลุ่มก็ไม่สามารถที่จะหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ เพราะอาจเกิดจากความแปรปรวนของแต่ละคนภายในร่างกาย ซึ่งตัวแปรที่จะแสดงถึงอาการนั้นๆในแต่ละบุคคลก็มีสิทธิ์ที่จะแตกต่างกันมาก

แต่สิ่งที่สามารถกระตุ้นให้อาการของลมพิษเรื้อรังเป็นมากยิ่งขึ้น ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากยาบางตัวที่เราทานเข้าไปด้วยไม่ว่าจะเป็น ยาแอสไพริน, ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์, ยาปฏิชีวนะ, ประจำเดือนและการขาดการพักผ่อนที่เพียงต่อเป็นเวลานาน

สาเหตุของการเกิดผื่นลมพิษนั้นมีหลายปัจจัย โดยสาเหตุที่เราสามารถพบได้บ่อยๆ มีดังนี้

  • แพ้อาหารบางประเภท 
  • แพ้ยาบางชนิด 
  • การติดเชื้อต่างๆที่เป็นต้นเหตุ 
  • การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • มีอาการแพ้ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ พืชบางชนิด และขนสัตว์บางอย่าง 
  • มีการสัมผัสกลับสารเคมีบางอย่าง อย่างเช่นสารเคมีในเครื่องสำอางบางชนิด สารเคมีจากน้ำยาล้างจาน หรือสารเคมีจากยาฆ่าแมลง เป็นต้น 
  • โดยลมพิษเรื้อรังนั้น ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น การแพ้แสงแดด แพ้ความร้อน ความเย็น เหงื่อ เป็นต้น  
  • การพักผ่อนของร่างกายไม่เพียงพอ นอนน้อย 
  • ลมพิษอาจเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้เรารู้ว่าร่างกายเราอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคไทรอยด์ หรือลูปัส หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง ที่เรียกกันติดปากว่า “โรคพุ่มพวง”
ทำอย่างไรเมื่อเป็นผื่นหรือมีอาการแพ้

ทำอย่างไรเมื่อเป็นผื่นหรือมีอาการแพ้

  • ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตัวเอง และเลี่ยงไม่รับประทานหรือสัมผัสสารก่อภูมิแพ้  
  • ดูแลผิวไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไป ควรหมั่นทาครีมหรือโลชั่นต่างๆ เพื่อลดความไวของผิวหนังด้วย
  • ไม่แกะเกาผิวหนัง, ขีดข่วน เพราะอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบได้
  • อาจป้องกันได้โดยเข้ารับการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้สารใดๆ

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์

  • หลังจากแสดงอาการอย่างชัดเจนภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หากมีอาการที่ไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ทันที 
  • หากมีอาการปวดตามข้อตามร่างกาย อ่อนเพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ และมีอาการเจ็บบริเวณผื่นร่วมด้วย

อาการของลมพิษชนิดเฉียบพลันที่แสดงออกถึงอาการที่รุนแรง เช่น มีอาการแน่นบริเวณหน้าอก หายใจเข้าออกไม่สะดวก มีอาการปวดบริเวณท้อง มีอาการบวมบริเวณใบหน้า มีอาการบวมบริเวณดวงตา อาการที่กล่าวมาข้างต้นนั้นท่านควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้เร็วที่สุด เนื่องจากอาการเหล่านี้ในรายที่มีอาการมากๆอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

Green Mulon
แชร์ให้เพื่อนคุณ
Share on facebook
Facebook
0
Share on google
Google
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
0