กรดไหลย้อน 3 ระยะ อย่างแรกจะมาพูดถึงโรคกรดไหลย้อน เป็นโรคในระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเกิดการไหลย้อนขึ้นไปที่ หลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดการแสบร้อนกลางอก (แสบร้อนกลางอกเนื่องจากกรดไหลย้อน) เรอเปรี้ยว เป็นต้น และกรดไหลย้อน ถ้าแบ่งตามความรุนแรงและผลกระทบ จะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ โดยจะมี ระยะแรกหรือที่เรียกว่าระยะเบื้องต้น ระยะสองหรือระยะเกี่ยวกับปัญหาลำไส้ และระยะสุดท้ายหรือที่เรียกว่าระยะที่สารอาหารในเลือดน้อย
เข้าใจ กรดไหลย้อน 3 ระยะ
ระยะที่ 1 : ระยะอาการเบื้องต้น
เกิดจากกระเพาะอาหารเกิดการอ่อนแอลง มักจะแสดงอาการออกมาไม่มาก เช่น มีลมในท้องและลมก็ดันออกมา มีลมตามตัวมักจะส่งผลให้ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากทานอาหารในปริมาณปกติจะมีความรู้สึกแน่นผิดปกติ เกิดอาการแสบท้องเล็กๆน้อย ระยะนี้อาจจะมีผลกระทบไปถึงการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและจะแสบๆกระเพาะอาหารบ้างเป็นบางเวลา
การรักษาของระยะที่ 1 :
- หมั่นรับประทานอาหารให้ตรงเวลา เพื่อจะให้กระเพาะปรับเวลาในการหลั่งน้ำย่อยได้
- ควรรับประทานอาหารเช้าไม่เกิน 9:00 เพราะเป็นเวลาที่กระเพาะอาหารทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- ลดการดื่มน้ำจำพวก เช่น น้ำเย็น ชา กาแฟ น้ำอัดลม นม น้ำเต้าหู้ ขณะทานอาหาร เพราะจะไปส่งผลทำให้น้ำย่อยเจือจางและทำให้การทำงานไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่
- ไม่ควรรับประทานอาหารเย็นเกิน 20:00 หรือ 2 ทุ่ม เนื่องจากช่วงเวลานั้นน้ำย่อยในกระเพราะอาหารเริ่มมีปริมาณน้อยลง ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น น้ำนมข้าว หรือเครื่องดื่มธัญพืชสำเร็จรูป เนื่อจากเกิดการดูดซึมได้ง่าย
- ไม่ควรทานผลไม้เช่น แตงโม มะพร้าว ส้ม หรือผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นก่อนจะรับประทานอาหาร
ระยะที่ 2 : ระยะเกี่ยวข้องกับปัญหาลำไส้
ระยะที่สองมักจะมีการเกิดตัวพิ่มขึ้นของจุลินทรีย์ที่รอทำลายอุจจาระที่ตกค้าง เลยส่งผลให้แก๊สมีจำนวนมากขึ้น อาจจะทำให้เกิดการท้องผูก หรือท้องอืดอย่างรุนแรงส่งผลทำให้ท้องป่องมากขึ้น มักจะมีอาการตามมาเช่น คันตามตัวมากขึ้น เพราะจุลินทรีย์ที่ตกค้างมากเกินไป มีการผายลมและถ่ายอุจจาระหลายๆครั้ง จะรู้สึกจุกแน่นท้องทั้งวัน บางทีอาจจะมีอาการเรอเปรี้ยวหรือว่า ขมปากตามมา
การรักษาของระยะที่ 2 :
- ลดเครื่องดื่มจำพวก นมวัว เนื่องจากจะไปเลี้ยงจุลินทรีย์ และสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารมากขึ้น
- ไม่ควรรับประทานยาที่เกี่ยวกับการลดกรด เพราะว่าต้องให้กรดหลั่งออกมาตามปกติ
- ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา
- ควรเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวก น้ำมะพร้าว น้ำแตงโม ผักปั่น น้ำส้มคั้น หรือน้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น เพราะจะไปส่งผลให้กระบวนการย่อยไม่ดี
กรดไหลย้อนระยะที่ 3 : ระยะที่สารอาหารในเลือดมีปริมาณน้อย
สาเหตุเพราะว่าระยะนี้อวัยวะต่างๆได้มีคุณภาพลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากอวัยวะในร่างกายของเราได้เจอกับกระบวนการย่อยไม่ดีมานานในช่วงเวลาหนึ่ง
ระยะนี้สารอาหารในเลือดจะมีปริมาณที่น้อยมากๆ และมีคนเป็นกันจำนวนที่มาก จึงส่งผลไปถึงการรักษาให้หายได้ยากขึ้น เพราะโดยโรคแล้วจะเป็นระยะที่ต้องใช้เวลาในการรักษากว่าจะให้หายขาดหรือดีขึ้นเร็วๆก็ยากพอกัน
และยังมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุจจาระของเราที่มีการตกค้างอยู่ในลำไส้เป็นจำนวนมาก
จึงส่งผลเสียไปถึงอวัยวะต่างๆในร่างกายอีกด้วย เช่น ม้าม ไต ลำไส้เล็ก และตับ ทำให้เกิดอาการจุกที่คอเป็นเวลาบ่อยครั้ง หรือจะเป็นอาการที่มึนหัว เนื่องจากสารอาหารในเลือดที่มีปริมาณน้อย
และในระหว่างวันจะมีอาการเพลีย หรือง่วงตอนเช้า และมีอาการต่างๆที่ร่วมด้วยอย่าง เช่น มีความอยากที่จะทานอาหารบ่อยๆ แสบร้อนบริเวณหน้าอก หรือมีความรู้สึกว่ามีลมที่ดันขึ้นมา ในบางรายที่มีลมดันขึ้นมาในปริมาณมากๆนั้นอาจจะมีอาการที่ต้องการจะเข้าห้องน้ำเพื่อไปปัสสาวะบ่อยๆเนื่องมาจากว่าลมได้ไปกดทับบริเวณกระเพาะปัสสาวะ
การรักษาของระยะที่ 3 :
- ต้องรักษาโดยการบำรุงเม็ดเลือดแดง เพราะระยะนี้เป็นระยะที่มีสารอาหารในเลือดเป็นจำนวนน้อย
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรับประทานอาหารในปริมาณที่พอดี ไม่มากและไม่น้อยเกินไป ในมื้อเช้าควรเลือกรับประทานอาหารที่ต้องเคี้ยว ไม่อย่างนั้นกระเพาะอาหารและม้ามจะเกิดอาหารอ่อนแอลง
- ไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก เนื่องจากจะทำให้ย่อยยากและเกิดก่อให้เกิดอุจจาระตกค้าง
- ควรเดินออกกำลังกาย ยืดเหยียดเพื่อลดความเครียดและความกังวล แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักเนื่องจากสารอาหารในเลือดยังมีปริมาณน้อย
ข้อสรุปสิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นกรดไหลย้อน
- รับประทานอาหารให้ตรวเวลาและควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และทานในปริมาณที่พอเหมาะ
- ไม่ควรรับประทานผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เย็นขณะรับประทานอาหารเนื่องจากจะไปส่งผลให้กระเพาะอาหารทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
- ควรเลี่ยงอาหารจำพวก ชา กาแฟ นมวัวหรือน้ำเต้าหู้ เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดน้ำย่อยออกมาผิดเวลา หรือเกิดลมมากเกินไป
- ลดเครื่องดื่มที่มีพวกจุลินทรีย์ เนื่องจากจุลินทรีย์จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะจำนวนมากขึ้น
- ไม่ควรทานอาหารรสจัด
- ควรออกกำลังกายที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ เพื่อจะช่วยให้ลมคลายตัว เป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์
บทความยอดนิยม